Solana ได้กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่มีนวัตกรรมมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากกลไกฉันทามติที่เป็นเอกลักษณ์ชื่อว่า Proof of History (PoH) ต่างจากโปรโตคอลบล็อกเชนแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้พลังงานสูงหรือการ staking PoH นำเสนอวิธีใหม่ในการจัดลำดับธุรกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ กลไกนี้เป็นหัวใจสำคัญของความสามารถในการรองรับปริมาณธุรกรรมสูงและความเร็วในการทำรายการที่รวดเร็ว ทำให้เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps), โครงการ DeFi และโซลูชันสำหรับองค์กร
ในแกนกลาง PoH ทำหน้าที่เป็นนาฬิกาเข้ารหัสทางคณิตศาสตร์ ที่จะสร้างเวลาประทับตราธุรกรรมและเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในเครือข่าย มันสร้างชุดข้อมูลตามลำดับที่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่ง validator ทุกคนสามารถเห็นด้วยโดยไม่จำเป็นต้องสื่อสารกันมากเกินไป วิธีนี้ช่วยลดความหน่วงและเพิ่มความสามารถในการปรับขยาย — เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Solana เติบโตอย่างรวดเร็วในด้านการใช้งาน
กระบวนการจัดเรียงธุรกรรมผ่าน PoH ของ Solana เกี่ยวข้องกับหลายขั้นตอนซึ่งเชื่อมโยงกัน โดยอาศัยเทคนิคเข้ารหัสขั้นสูง:
ฐานของ PoH คือ VDF ซึ่งเป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ออกแบบมาให้ใช้เวลาที่กำหนดไว้ในการคำนวณ แต่สามารถตรวจสอบผลได้อย่างรวดเร็ว หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ในบริบทของ Solana ฟังก์ชันนี้จะสร้าง hash ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละขั้นตอน สร้างบันทึกทางเข้ารหัสต่อเนื่อง
ดีเลย์นี้รับประกันว่าทุกเวลาประทับตราที่เกิดขึ้นโดย VDF จะไม่ถูกทำนายหรือแก้ไขได้ก่อนเวลา มันจึงสร้างชุดข้อมูลตามลำดับซึ่งแต่ละเหตุการณ์ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ก่อนหน้า—คล้ายกับชีพจรกระแสไฟฟ้าของเครือข่ายแบบเข้ารหัส
Validator ซึ่งคือโหนดพิเศษรับผิดชอบยืนยันธุรกรรม แข่งขันกันเพื่อผลิตบล็อกใหม่โดยอาศัยการแก้โจทย์ VDF ผู้ validator คนแรกที่แก้โจทย์เสร็จจะได้รับอนุญาตเสนอและเผยแพร่บล็อกถัดไปเข้าสู่เครือข่าย
ต่างจากระบบ proof-of-work เช่น Bitcoin ที่ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ระบบนี้ไม่ได้เน้นการใช้กำลังประมวลผลมหาศาล แต่เน้นการแก้โจทย์ cryptographic อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาความปลอดภัยด้วยคุณสมบัติ verificability
เมื่อ validator ผลิตบล็อกจากวิธี timestamping ของ PoH ธุรกรรรมภายในนั้นจะถูกจัดเรียงตามหลัก deterministic — หรือ “แน่นอน” ซึ่งหมายถึงว่า node แต่ละตัวสามารถตรวจสอบได้เองว่าธุรกรรรมแต่ละรายการเกิดขึ้นเมื่อใดเทียบกับรายการอื่น และตำแหน่งภายในบล็อกนั้นอยู่ตรงไหนโดยไม่มีข้อสงสัยใด ๆ
กระบวนการนี้ช่วยให้เกิดความยุติธรรมระหว่างผู้ร่วมเครือข่าย เนื่องจาก validator ไม่สามารถปรับเปลี่ยนหรือลักเลี่ยงตำแหน่งของธุรกิจบนพื้นฐานของผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ต้องปฏิบัติตามชุดคำสั่งเวลาและข้อมูล timestamp จาก PoH อย่างเคร่งครัด
หลังจากสร้างและผูกติดข้อมูล timestamp แล้ว Validator จะส่งต่อ บล็อก ไปยังทั้งเครือข่ายเพื่อให้ node อื่น ๆ ตรวจสอบ ความถูกต้องทั้งเรื่อง:
หากผ่านเกณฑ์ทั้งหมด—รวมถึงได้รับฉันทามติ— บล็อกจาก Validator ก็จะถูกรวมเข้าไปใน ledger ของ blockchain อย่างถาวรรอจนกว่าจะมีการผลิตบล็อกใหม่ตามขั้นตอนเดียวกันต่อไปเรื่อย ๆ
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ผ่าน timestamps เข้าที่ปลอดภัยด้วย cryptography, Solana จึงสามารถรองรับ scalability ได้อย่างโดดเด่น พร้อมรักษาการทำงานแบบ trustless ซึ่งตอบสนองหลัก E-A-T: เชี่ยวชาญด้านเทคนิค น่าเชื่อถือ และไว้วางใจ ด้วยกระบวนการตรวจสอบโปร่งใส
ตั้งแต่เปิด mainnet เมื่อเดือนมีนาคม 2020 เป็นต้นมา Solana ยังคงปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อเพิ่ม performance ให้ดีขึ้น รวมทั้งตอบสนองต่อภัยคุกคามใหม่ เช่น ช่องโหว่ด้าน security ที่พบระหว่าง Wormhole hack สิงหาคม 2021 ซึ่งสูญเสียเงินประมาณ 190 ล้านเหรียญฯ แต่ก็ทำให้เกิดมาตรฐานรักษาความปลอดภัยในระบบ ecosystem มากขึ้นอีกด้วย
เพิ่มเติมคือ:
แนวโน้มเหล่านี้ส่งผลต่อลักษณะเชิงเสถียรมากขึ้น ของระบบ transaction sequencing แม้อยู่ภายใต้ demand สูงหรือภัยรุกรานต่าง ๆ — เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้งานที่จะมั่นใจว่า ระบบยังรักษาความรวดเร็วพร้อมมาตฐาน security เข้มแข็ง ตาม architecture แบบ solanized ที่ใช้ proof-of-history เป็นหัวใจหลัก
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปหรือ นักพัฒนาด้าน dApps สิ่งสำคัญคือเรื่อง:
เข้าใจกลไก how PoH จัดเรียง transactions ช่วยให้นักลงทุน นักพัฒนา เข้าใจว่าทำไม solana ถึงเหนือกว่าคู่แข่งหลายราย ทั้งเรื่อง throughput สูงสุด ขณะเดียวกันก็รักษา decentralization ไว้อย่างเหนียวแน่น
แม้ว่าจะมีข้อดี แต่วิธีนำ proof-of-history ไปใช้อีกก็ยังเจออุปสรรคบางส่วน เช่น:
เพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ จำเป็นที่จะต้องเดินหน้าพัฒนาด้าน cryptography ต่อเนื่อง รวมถึงสร้างความไว้วางใจผ่าน transparency เรื่อง upgrade ระบบ รวมทั้ง incident response ต่าง ๆ ด้วย
เมื่อเข้าใจครบถ้วนว่า Solana's Proof of History จัดอันดับ transaction ตั้งแต่พื้นฐาน cryptography ไปจนถึง implications ทาง practical คุณจะเห็นภาพว่าทำไมเทคนิคนี้ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางแห่งอนาคต สำหรับ blockchain scalable ที่อยากเข้าสู่ mainstream พร้อมทั้งรักษาหัวใจสำคัญ คือ decentralization และ security
JCUSER-F1IIaxXA
2025-05-11 07:44
Solana (SOL) ใช้ Proof of History mechanism เพื่อจัดลำดับการทำธุรกรรมสำหรับการผลิตบล็อกอย่างไร?
Solana ได้กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่มีนวัตกรรมมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากกลไกฉันทามติที่เป็นเอกลักษณ์ชื่อว่า Proof of History (PoH) ต่างจากโปรโตคอลบล็อกเชนแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้พลังงานสูงหรือการ staking PoH นำเสนอวิธีใหม่ในการจัดลำดับธุรกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ กลไกนี้เป็นหัวใจสำคัญของความสามารถในการรองรับปริมาณธุรกรรมสูงและความเร็วในการทำรายการที่รวดเร็ว ทำให้เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps), โครงการ DeFi และโซลูชันสำหรับองค์กร
ในแกนกลาง PoH ทำหน้าที่เป็นนาฬิกาเข้ารหัสทางคณิตศาสตร์ ที่จะสร้างเวลาประทับตราธุรกรรมและเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในเครือข่าย มันสร้างชุดข้อมูลตามลำดับที่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่ง validator ทุกคนสามารถเห็นด้วยโดยไม่จำเป็นต้องสื่อสารกันมากเกินไป วิธีนี้ช่วยลดความหน่วงและเพิ่มความสามารถในการปรับขยาย — เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Solana เติบโตอย่างรวดเร็วในด้านการใช้งาน
กระบวนการจัดเรียงธุรกรรมผ่าน PoH ของ Solana เกี่ยวข้องกับหลายขั้นตอนซึ่งเชื่อมโยงกัน โดยอาศัยเทคนิคเข้ารหัสขั้นสูง:
ฐานของ PoH คือ VDF ซึ่งเป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ออกแบบมาให้ใช้เวลาที่กำหนดไว้ในการคำนวณ แต่สามารถตรวจสอบผลได้อย่างรวดเร็ว หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ในบริบทของ Solana ฟังก์ชันนี้จะสร้าง hash ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละขั้นตอน สร้างบันทึกทางเข้ารหัสต่อเนื่อง
ดีเลย์นี้รับประกันว่าทุกเวลาประทับตราที่เกิดขึ้นโดย VDF จะไม่ถูกทำนายหรือแก้ไขได้ก่อนเวลา มันจึงสร้างชุดข้อมูลตามลำดับซึ่งแต่ละเหตุการณ์ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ก่อนหน้า—คล้ายกับชีพจรกระแสไฟฟ้าของเครือข่ายแบบเข้ารหัส
Validator ซึ่งคือโหนดพิเศษรับผิดชอบยืนยันธุรกรรม แข่งขันกันเพื่อผลิตบล็อกใหม่โดยอาศัยการแก้โจทย์ VDF ผู้ validator คนแรกที่แก้โจทย์เสร็จจะได้รับอนุญาตเสนอและเผยแพร่บล็อกถัดไปเข้าสู่เครือข่าย
ต่างจากระบบ proof-of-work เช่น Bitcoin ที่ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ระบบนี้ไม่ได้เน้นการใช้กำลังประมวลผลมหาศาล แต่เน้นการแก้โจทย์ cryptographic อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาความปลอดภัยด้วยคุณสมบัติ verificability
เมื่อ validator ผลิตบล็อกจากวิธี timestamping ของ PoH ธุรกรรรมภายในนั้นจะถูกจัดเรียงตามหลัก deterministic — หรือ “แน่นอน” ซึ่งหมายถึงว่า node แต่ละตัวสามารถตรวจสอบได้เองว่าธุรกรรรมแต่ละรายการเกิดขึ้นเมื่อใดเทียบกับรายการอื่น และตำแหน่งภายในบล็อกนั้นอยู่ตรงไหนโดยไม่มีข้อสงสัยใด ๆ
กระบวนการนี้ช่วยให้เกิดความยุติธรรมระหว่างผู้ร่วมเครือข่าย เนื่องจาก validator ไม่สามารถปรับเปลี่ยนหรือลักเลี่ยงตำแหน่งของธุรกิจบนพื้นฐานของผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ต้องปฏิบัติตามชุดคำสั่งเวลาและข้อมูล timestamp จาก PoH อย่างเคร่งครัด
หลังจากสร้างและผูกติดข้อมูล timestamp แล้ว Validator จะส่งต่อ บล็อก ไปยังทั้งเครือข่ายเพื่อให้ node อื่น ๆ ตรวจสอบ ความถูกต้องทั้งเรื่อง:
หากผ่านเกณฑ์ทั้งหมด—รวมถึงได้รับฉันทามติ— บล็อกจาก Validator ก็จะถูกรวมเข้าไปใน ledger ของ blockchain อย่างถาวรรอจนกว่าจะมีการผลิตบล็อกใหม่ตามขั้นตอนเดียวกันต่อไปเรื่อย ๆ
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ผ่าน timestamps เข้าที่ปลอดภัยด้วย cryptography, Solana จึงสามารถรองรับ scalability ได้อย่างโดดเด่น พร้อมรักษาการทำงานแบบ trustless ซึ่งตอบสนองหลัก E-A-T: เชี่ยวชาญด้านเทคนิค น่าเชื่อถือ และไว้วางใจ ด้วยกระบวนการตรวจสอบโปร่งใส
ตั้งแต่เปิด mainnet เมื่อเดือนมีนาคม 2020 เป็นต้นมา Solana ยังคงปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อเพิ่ม performance ให้ดีขึ้น รวมทั้งตอบสนองต่อภัยคุกคามใหม่ เช่น ช่องโหว่ด้าน security ที่พบระหว่าง Wormhole hack สิงหาคม 2021 ซึ่งสูญเสียเงินประมาณ 190 ล้านเหรียญฯ แต่ก็ทำให้เกิดมาตรฐานรักษาความปลอดภัยในระบบ ecosystem มากขึ้นอีกด้วย
เพิ่มเติมคือ:
แนวโน้มเหล่านี้ส่งผลต่อลักษณะเชิงเสถียรมากขึ้น ของระบบ transaction sequencing แม้อยู่ภายใต้ demand สูงหรือภัยรุกรานต่าง ๆ — เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้งานที่จะมั่นใจว่า ระบบยังรักษาความรวดเร็วพร้อมมาตฐาน security เข้มแข็ง ตาม architecture แบบ solanized ที่ใช้ proof-of-history เป็นหัวใจหลัก
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปหรือ นักพัฒนาด้าน dApps สิ่งสำคัญคือเรื่อง:
เข้าใจกลไก how PoH จัดเรียง transactions ช่วยให้นักลงทุน นักพัฒนา เข้าใจว่าทำไม solana ถึงเหนือกว่าคู่แข่งหลายราย ทั้งเรื่อง throughput สูงสุด ขณะเดียวกันก็รักษา decentralization ไว้อย่างเหนียวแน่น
แม้ว่าจะมีข้อดี แต่วิธีนำ proof-of-history ไปใช้อีกก็ยังเจออุปสรรคบางส่วน เช่น:
เพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ จำเป็นที่จะต้องเดินหน้าพัฒนาด้าน cryptography ต่อเนื่อง รวมถึงสร้างความไว้วางใจผ่าน transparency เรื่อง upgrade ระบบ รวมทั้ง incident response ต่าง ๆ ด้วย
เมื่อเข้าใจครบถ้วนว่า Solana's Proof of History จัดอันดับ transaction ตั้งแต่พื้นฐาน cryptography ไปจนถึง implications ทาง practical คุณจะเห็นภาพว่าทำไมเทคนิคนี้ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางแห่งอนาคต สำหรับ blockchain scalable ที่อยากเข้าสู่ mainstream พร้อมทั้งรักษาหัวใจสำคัญ คือ decentralization และ security
คำเตือน:มีเนื้อหาจากบุคคลที่สาม ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน
ดูรายละเอียดในข้อกำหนดและเงื่อนไข