kai
kai2025-05-17 18:57

วิธีการวิเคราะห์กระแสเงินสดลบเพื่อความเป็นไปได้

วิธีวิเคราะห์กระแสเงินสดติดลบเพื่อความเป็นไปได้ทางธุรกิจและการลงทุน

ความเข้าใจในการวิเคราะห์กระแสเงินสดติดลบเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประเมินสุขภาพทางการเงินและความสามารถในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว กระแสเงินสดติดลบเกิดขึ้นเมื่อรายจ่ายเกินรายรับ ทำให้เกิดการไหลออกของเงินสดสุทธิ ในขณะที่กระแสเงินสดติดลบบางครั้งอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนหรือช่วงเวลาการเติบโต แต่หากมีแนวโน้มต่อเนื่องก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาเบื้องหลังที่ต้องได้รับการประเมินอย่างรอบคอบ บทความนี้ให้คำแนะนำเชิงครอบคลุมเกี่ยวกับวิธีวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำเสนอแนวคิดสำคัญจากด้านการเงินธุรกิจและการวิเคราะห์การลงทุน

กระแสเงินสดติดลคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?

กระแสเงินสดติดลบหมายถึงสถานการณ์ที่องค์กรใช้จ่ายมากกว่าที่ได้รับในช่วงเวลาหนึ่ง สำหรับธุรกิจ สถานการณ์นี้อาจเกิดจากต้นทุนดำเนินงานสูง การบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเงื่อนไขตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ในด้านของนักลงทุน โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวนเช่นคริปโตเคอร์เรนซี กระแสเงินสดติดล้อาจมาจากภาวะตลาดตกต่ำ ผลกระทบจากกฎระเบียบ หรือเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย

กระแสเงินสดติดลบอย่างต่อเนื่องเสี่ยงต่อความเสี่ยงรุนแรง: อาจทำให้เสถียรภาพทาง Liquidity (ความสามารถในการชำระหนี้สินระยะสั้น) เสื่อมลง ส่งผลต่อโอกาสเติบโต และแม้แต่เสี่ยงต่อ insolvency หากไม่ได้รับมืออย่างรวดเร็ว ดังนั้น การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถตัดสินใจได้ว่า ตัวเลขด้านลบนั้นเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวหรือสะท้อนปัญหาทางเศรษฐกิจหรือโครงสร้างทางการเงินจริงจัง

การดำเนินงานวิเคราะห์กระแสเงินสด: ขั้นตอนแรก

** การวิเคราะห์กระแสน้ำมัน** อย่างละเอียดประกอบด้วย การตรวจสอบทุกๆ รายรับ (inflows) และรายจ่าย (outflows) ตลอดเวลา เพื่อค้นหา จุดที่ เงินเข้ามาเท่าไหร่ กับ จุดที่ออกไปเท่าไหร่ รวมทั้งเข้าใจว่าปัจจัยใดส่งผลต่อแนวโน้มเหล่านี้ เช่น ปัจจัยเฉพาะกิจกรรมต่างๆ หรือปัจจัยเศรษฐกิจโดยรวม

องค์ประกอบหลัก ได้แก่:

  • กิจกรรมดำเนินงาน: รายได้จากธุรกิจหลัก หักด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
  • กิจกรรมลงทุน: เงินสดใช้สำหรับซื้อทรัพย์สิน เช่น เครื่องจักร หุ้นทุน ฯลฯ
  • กิจกรรมจัดหาทุน: เงินกู้ยืมหรือหุ้นใหม่ ที่ได้รับเทียบกับจำนวนคืนทุน

โดยแบ่งตามเดือนหรือไตรมาส นักวิเคราะห์จะสามารถระบุรูปแบบและแนวโน้มซึ่งอาจส่งผลต่อความยั่งยืนได้

ประเมินศักยภาพทางการเงินจริง ๆ ท่ามกลางกระแสรถไฟฟ้าติดลบ

แม้ว่ากระแสรถไฟฟ้าติดลบจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับบริษัท startup ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่หากยังคงอยู่ในระดับสูงและนานเกินไป ก็จำเป็นต้องตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม:

  • แนวนโยบายของบริษัทนั้นคืออะไร? เป็นแบบชั่วคราวหรือเปลี่ยนไปตามกลยุทธ์?
  • มีเหตุผลชัดเจน เช่น ยอดขายลดลง ค่าดำเนินงานเพิ่มขึ้นไหม?
  • ผู้บริหารมีแพล็นปรับตัวเพื่อพลิกฟื้นไหม?

คำถามเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจว่า โอกาสที่จะฟื้นตัวผ่านกลยุทธ์ปรับเปลี่ยนยังมีอยู่ หรือว่ามีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจซึ่งต้องแก้ไขก่อนที่จะสายเกินไปแล้ว

ตัวชี้วัดสำคัญเมื่อ วิเคราะห์ กระแสรถไฟฟ้าติดลบ

หลายมาตรวัดช่วยให้นักลงทุน/ผู้บริหารเห็นภาพว่า กระแสรถไฟฟ้าที่ติด ลบนั้นส่งผลต่อความสามารถในการอยู่รอดไหม:

  1. อัตราการเผาผลากระเป๋า (Cash Burn Rate): ใช้เวลาเท่าไรจนหมดกองทุนเดิม
  2. เวลาที่เหลือก่อนหมด (Cash Runway): ระยะเวลาที่องค์กรจะอยู่ได้ ณ ปัจจุบัน ถ้าไม่มีรายรับเพิ่มขึ้น
  3. แนวนโยบายกำไรขั้นต้น (Operating Margin Trends): กำไรลดลง อาจสะท้อนว่าความสามารถทำกำไรลดลง
  4. ระดับภาระหนี้สิน & ความสามารถชำระคืน: หนี้สูง + รายรับต่ำ เพิ่มโอกาสผิดนัดชำระ
  5. สถานะหมุนเวียนทุน (Working Capital): มีเพียงพอต่อรองรับภาระฉุกเฉินไหม?

โดยทั่วไปแล้ว การตรวจสอบตัวเลขเหล่านี้อย่างสมํ่าเสมอ ช่วยให้นักบริหารตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อรักษาเสถียรภาพก่อนวิกฤติจะมาเยือนจริงจังมากขึ้น

กลยุทธ์จัดการกับ กระแสรถไฟฟ้าติดลบ อย่างไรดี?

เมื่อพบว่าขาดสมดุลกันเรื่อยๆ คำตอบคือ ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เช่น:

  • ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยไม่ลดคุณภาพสินค้า/บริการ
  • พัฒนาระบบเก็บ receivables ให้ดีขึ้น
  • ขยายช่องทางรายได้ใหม่ๆ
  • เจรจาขอลดดอกเบี้ย หลีกเลี่ยงภาระหนัก
  • ลงทุนในเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ

สำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะ crypto คาร์เร็นซี ตลาดผันผวนสูง ควบคู่กับราคาลดลง นักลงทุนควรรายงานตำหนิพอร์ต โอนหุ้น ไปยังเหรียญอื่น หลีกเลี่ยงขาดทุนมากที่สุด รวมทั้งตั้ง Stop-loss เพื่อจำกัดขาดทุนไว้แต่แรกก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญเช่นกัน

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Cryptocurrency Investment ในสถานการณ์ Negative Cash Flows

ตลาด Crypto เป็นตลาดสุดผันผวน ราคาหุ้นเหรียญบางครั้งก็พลิกกลับทันที ทำให้นักลงทุนเข้าสู่ช่วง Negative Cash Flow เมื่อราคาลดฮวบ ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่นค่าธรรมเนียม เที่ยวบิน ความปลอดภัย ยังคงเดิม หรือบางกรณีก็เพิ่มขึ้น จากเหตุโจมตีระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น

เพื่อประเมินศักยภาพของ Crypto Investment คุ้มค่าหรือไม่ ต้อง:

  • ตรวจสอบยอด wallet เทียบกับราคาตลาดอย่างใกล้ชิด
  • ติดตามข่าวสารด้าน regulation ที่ส่งผลต่อตลาด
  • ประเมินมาตรฐาน Security Protocols ของแพล็ตฟอร์ม

เข้าใจข้อแตกต่างตรงนี้ จะช่วยให้นักลงทุนจัดแจงความเสี่ยงดีขึ้น แม้ว่าจะเจอสถานการณ์ราคาเหรียญตกต่ำ ก็ยังเปิดโอกาสสร้างกำไรในอนาคต หากบริหารจัดแจงดี

ความเสี่ยงจาก ไม่แก้ไข กระแสรถไฟฟ้าติด ลบ

ละเลยข้อผิดพลาดเรื้อรัง อาจนำไปสู่วิกฤติใหญ่ เช่น ขาด Liquidity จนนำไปขายทรัพย์สิน, สูญเสียเครดิต, ถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานรัฐ ซึ่งสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ได้แก้ไขทันเวลา ก็อาจถึงขั้น bankruptcy ได้เลยทีเดียว

สถานการณ์วิกฤติทั่วไป:

  • วิกฤติ Liquidity จนอธิบายไม่ได้ ต้องขายทรัพย์สินฉุกเฉิ น
  • สูญเสีย Trust ของ Stakeholders ส่งผลต่อนโยบายหา Funding ใหม่
  • โต้เถียงเรื่อง Legal Penalties จาก non-compliance

ด้วยวิธีคิดเชิง proactive พร้อมทั้ง วาง Plan เชิงกลยุทธ์ จะช่วยลด Risks เหตุฉุกเฉิ นดังกล่าวลงมากทีเดียว

สรุป: ตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลผ่าน Cash Flow Analysis อย่างมั่นใจ

การ วิเคราะห์ กระ แสน้ำมัน ติด ลบนอกจากต้องรู้จัก ภายในองค์กรเองแล้ว ยังต้องเข้าใจกฎเกณฑ์ เศรษฐกิจโลก รวมถึง macroeconomic trends ด้วย ซึ่งรวมถึงหลายองค์ประกอบ ทั้ง burn rate, runway, debt level แล้วนำข้อมูลทั้งหมด มาประเมินร่วมกัน เพื่อดูว่า ธุรกิจนั้นยังอยู่ รอดไหม ถึงแม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะดูเลื่อน ลอย แต่ด้วยข้อมูลครบเครื่อง ก็ทำให้เราเลือกเดินหน้าหรือหยุดพัก ได้อย่างมั่นใจมากกว่าเดิม

อย่าลืมที่จะเฝ้ามอง Risk ต่าง ๆ ที่เกิดจาก กฎหมาย เปลี่ยน แปลง และนำระบบ Risk Management เข้ามาช่วย รับมือ กับ ช่วงเวลาที่ยากเย็น ทั้งหมดนี้ คือ วิธีที่จะรักษา ความแข็งแรง ขององค์กร ให้พร้อมฝ่าวิกฤติ ไปพร้อมกัน

19
0
0
0
Background
Avatar

kai

2025-05-19 14:49

วิธีการวิเคราะห์กระแสเงินสดลบเพื่อความเป็นไปได้

วิธีวิเคราะห์กระแสเงินสดติดลบเพื่อความเป็นไปได้ทางธุรกิจและการลงทุน

ความเข้าใจในการวิเคราะห์กระแสเงินสดติดลบเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประเมินสุขภาพทางการเงินและความสามารถในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว กระแสเงินสดติดลบเกิดขึ้นเมื่อรายจ่ายเกินรายรับ ทำให้เกิดการไหลออกของเงินสดสุทธิ ในขณะที่กระแสเงินสดติดลบบางครั้งอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนหรือช่วงเวลาการเติบโต แต่หากมีแนวโน้มต่อเนื่องก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาเบื้องหลังที่ต้องได้รับการประเมินอย่างรอบคอบ บทความนี้ให้คำแนะนำเชิงครอบคลุมเกี่ยวกับวิธีวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำเสนอแนวคิดสำคัญจากด้านการเงินธุรกิจและการวิเคราะห์การลงทุน

กระแสเงินสดติดลคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?

กระแสเงินสดติดลบหมายถึงสถานการณ์ที่องค์กรใช้จ่ายมากกว่าที่ได้รับในช่วงเวลาหนึ่ง สำหรับธุรกิจ สถานการณ์นี้อาจเกิดจากต้นทุนดำเนินงานสูง การบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเงื่อนไขตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ในด้านของนักลงทุน โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวนเช่นคริปโตเคอร์เรนซี กระแสเงินสดติดล้อาจมาจากภาวะตลาดตกต่ำ ผลกระทบจากกฎระเบียบ หรือเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย

กระแสเงินสดติดลบอย่างต่อเนื่องเสี่ยงต่อความเสี่ยงรุนแรง: อาจทำให้เสถียรภาพทาง Liquidity (ความสามารถในการชำระหนี้สินระยะสั้น) เสื่อมลง ส่งผลต่อโอกาสเติบโต และแม้แต่เสี่ยงต่อ insolvency หากไม่ได้รับมืออย่างรวดเร็ว ดังนั้น การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถตัดสินใจได้ว่า ตัวเลขด้านลบนั้นเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวหรือสะท้อนปัญหาทางเศรษฐกิจหรือโครงสร้างทางการเงินจริงจัง

การดำเนินงานวิเคราะห์กระแสเงินสด: ขั้นตอนแรก

** การวิเคราะห์กระแสน้ำมัน** อย่างละเอียดประกอบด้วย การตรวจสอบทุกๆ รายรับ (inflows) และรายจ่าย (outflows) ตลอดเวลา เพื่อค้นหา จุดที่ เงินเข้ามาเท่าไหร่ กับ จุดที่ออกไปเท่าไหร่ รวมทั้งเข้าใจว่าปัจจัยใดส่งผลต่อแนวโน้มเหล่านี้ เช่น ปัจจัยเฉพาะกิจกรรมต่างๆ หรือปัจจัยเศรษฐกิจโดยรวม

องค์ประกอบหลัก ได้แก่:

  • กิจกรรมดำเนินงาน: รายได้จากธุรกิจหลัก หักด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
  • กิจกรรมลงทุน: เงินสดใช้สำหรับซื้อทรัพย์สิน เช่น เครื่องจักร หุ้นทุน ฯลฯ
  • กิจกรรมจัดหาทุน: เงินกู้ยืมหรือหุ้นใหม่ ที่ได้รับเทียบกับจำนวนคืนทุน

โดยแบ่งตามเดือนหรือไตรมาส นักวิเคราะห์จะสามารถระบุรูปแบบและแนวโน้มซึ่งอาจส่งผลต่อความยั่งยืนได้

ประเมินศักยภาพทางการเงินจริง ๆ ท่ามกลางกระแสรถไฟฟ้าติดลบ

แม้ว่ากระแสรถไฟฟ้าติดลบจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับบริษัท startup ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่หากยังคงอยู่ในระดับสูงและนานเกินไป ก็จำเป็นต้องตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม:

  • แนวนโยบายของบริษัทนั้นคืออะไร? เป็นแบบชั่วคราวหรือเปลี่ยนไปตามกลยุทธ์?
  • มีเหตุผลชัดเจน เช่น ยอดขายลดลง ค่าดำเนินงานเพิ่มขึ้นไหม?
  • ผู้บริหารมีแพล็นปรับตัวเพื่อพลิกฟื้นไหม?

คำถามเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจว่า โอกาสที่จะฟื้นตัวผ่านกลยุทธ์ปรับเปลี่ยนยังมีอยู่ หรือว่ามีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจซึ่งต้องแก้ไขก่อนที่จะสายเกินไปแล้ว

ตัวชี้วัดสำคัญเมื่อ วิเคราะห์ กระแสรถไฟฟ้าติดลบ

หลายมาตรวัดช่วยให้นักลงทุน/ผู้บริหารเห็นภาพว่า กระแสรถไฟฟ้าที่ติด ลบนั้นส่งผลต่อความสามารถในการอยู่รอดไหม:

  1. อัตราการเผาผลากระเป๋า (Cash Burn Rate): ใช้เวลาเท่าไรจนหมดกองทุนเดิม
  2. เวลาที่เหลือก่อนหมด (Cash Runway): ระยะเวลาที่องค์กรจะอยู่ได้ ณ ปัจจุบัน ถ้าไม่มีรายรับเพิ่มขึ้น
  3. แนวนโยบายกำไรขั้นต้น (Operating Margin Trends): กำไรลดลง อาจสะท้อนว่าความสามารถทำกำไรลดลง
  4. ระดับภาระหนี้สิน & ความสามารถชำระคืน: หนี้สูง + รายรับต่ำ เพิ่มโอกาสผิดนัดชำระ
  5. สถานะหมุนเวียนทุน (Working Capital): มีเพียงพอต่อรองรับภาระฉุกเฉินไหม?

โดยทั่วไปแล้ว การตรวจสอบตัวเลขเหล่านี้อย่างสมํ่าเสมอ ช่วยให้นักบริหารตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อรักษาเสถียรภาพก่อนวิกฤติจะมาเยือนจริงจังมากขึ้น

กลยุทธ์จัดการกับ กระแสรถไฟฟ้าติดลบ อย่างไรดี?

เมื่อพบว่าขาดสมดุลกันเรื่อยๆ คำตอบคือ ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เช่น:

  • ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยไม่ลดคุณภาพสินค้า/บริการ
  • พัฒนาระบบเก็บ receivables ให้ดีขึ้น
  • ขยายช่องทางรายได้ใหม่ๆ
  • เจรจาขอลดดอกเบี้ย หลีกเลี่ยงภาระหนัก
  • ลงทุนในเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ

สำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะ crypto คาร์เร็นซี ตลาดผันผวนสูง ควบคู่กับราคาลดลง นักลงทุนควรรายงานตำหนิพอร์ต โอนหุ้น ไปยังเหรียญอื่น หลีกเลี่ยงขาดทุนมากที่สุด รวมทั้งตั้ง Stop-loss เพื่อจำกัดขาดทุนไว้แต่แรกก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญเช่นกัน

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Cryptocurrency Investment ในสถานการณ์ Negative Cash Flows

ตลาด Crypto เป็นตลาดสุดผันผวน ราคาหุ้นเหรียญบางครั้งก็พลิกกลับทันที ทำให้นักลงทุนเข้าสู่ช่วง Negative Cash Flow เมื่อราคาลดฮวบ ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่นค่าธรรมเนียม เที่ยวบิน ความปลอดภัย ยังคงเดิม หรือบางกรณีก็เพิ่มขึ้น จากเหตุโจมตีระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น

เพื่อประเมินศักยภาพของ Crypto Investment คุ้มค่าหรือไม่ ต้อง:

  • ตรวจสอบยอด wallet เทียบกับราคาตลาดอย่างใกล้ชิด
  • ติดตามข่าวสารด้าน regulation ที่ส่งผลต่อตลาด
  • ประเมินมาตรฐาน Security Protocols ของแพล็ตฟอร์ม

เข้าใจข้อแตกต่างตรงนี้ จะช่วยให้นักลงทุนจัดแจงความเสี่ยงดีขึ้น แม้ว่าจะเจอสถานการณ์ราคาเหรียญตกต่ำ ก็ยังเปิดโอกาสสร้างกำไรในอนาคต หากบริหารจัดแจงดี

ความเสี่ยงจาก ไม่แก้ไข กระแสรถไฟฟ้าติด ลบ

ละเลยข้อผิดพลาดเรื้อรัง อาจนำไปสู่วิกฤติใหญ่ เช่น ขาด Liquidity จนนำไปขายทรัพย์สิน, สูญเสียเครดิต, ถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานรัฐ ซึ่งสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่ได้แก้ไขทันเวลา ก็อาจถึงขั้น bankruptcy ได้เลยทีเดียว

สถานการณ์วิกฤติทั่วไป:

  • วิกฤติ Liquidity จนอธิบายไม่ได้ ต้องขายทรัพย์สินฉุกเฉิ น
  • สูญเสีย Trust ของ Stakeholders ส่งผลต่อนโยบายหา Funding ใหม่
  • โต้เถียงเรื่อง Legal Penalties จาก non-compliance

ด้วยวิธีคิดเชิง proactive พร้อมทั้ง วาง Plan เชิงกลยุทธ์ จะช่วยลด Risks เหตุฉุกเฉิ นดังกล่าวลงมากทีเดียว

สรุป: ตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลผ่าน Cash Flow Analysis อย่างมั่นใจ

การ วิเคราะห์ กระ แสน้ำมัน ติด ลบนอกจากต้องรู้จัก ภายในองค์กรเองแล้ว ยังต้องเข้าใจกฎเกณฑ์ เศรษฐกิจโลก รวมถึง macroeconomic trends ด้วย ซึ่งรวมถึงหลายองค์ประกอบ ทั้ง burn rate, runway, debt level แล้วนำข้อมูลทั้งหมด มาประเมินร่วมกัน เพื่อดูว่า ธุรกิจนั้นยังอยู่ รอดไหม ถึงแม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะดูเลื่อน ลอย แต่ด้วยข้อมูลครบเครื่อง ก็ทำให้เราเลือกเดินหน้าหรือหยุดพัก ได้อย่างมั่นใจมากกว่าเดิม

อย่าลืมที่จะเฝ้ามอง Risk ต่าง ๆ ที่เกิดจาก กฎหมาย เปลี่ยน แปลง และนำระบบ Risk Management เข้ามาช่วย รับมือ กับ ช่วงเวลาที่ยากเย็น ทั้งหมดนี้ คือ วิธีที่จะรักษา ความแข็งแรง ขององค์กร ให้พร้อมฝ่าวิกฤติ ไปพร้อมกัน

JuCoin Square

คำเตือน:มีเนื้อหาจากบุคคลที่สาม ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน
ดูรายละเอียดในข้อกำหนดและเงื่อนไข